ถามตอบปัญหาสุขภาพ ข่าวสุขภาพ เกี่ยวกับโรค อาการ ยา การดูแลตนเอง โดยแพทย์เฉพาะทางอายุรกรรม ข่าวสุขภาพของไทยและข่าวสารต่างประเทศ . The health webboard for Health Advise , ask health related questions and answers from our doctor team MD. (Internist) , health news from Thailand and around the world.
แปลผลแมมโมแกรม: แต่ละค่าบอกอะไรเกี่ยวกับสุขภาพเต้านมของคุณ
Quote from sirinthip.rose on มิถุนายน 20, 2024, 2:23 amการตรวจแมมโมแกรมเป็นวิธีการสำคัญที่ช่วยตรวจหามะเร็งเต้านมในระยะแรกเริ่ม เพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษาและหายขาดได้มากขึ้น การอ่านผลแมมโมแกรมอาจดูซับซ้อนสำหรับหลายคน เนื่องจากมีค่าต่าง ๆ ที่ต้องทำความเข้าใจ บทความนี้จะช่วยแปลผลแมมโมแกรมเพื่อให้คุณทราบถึงความหมายของแต่ละค่าและผลที่มีต่อสุขภาพเต้านมของคุณ
1. ระบบการรายงาน BIRADS
BIRADS (Breast Imaging Reporting and Data System) เป็นระบบที่ใช้ในการประเมินและรายงานผลแมมโมแกรม โดยแบ่งระดับผลการตรวจออกเป็น 7 ระดับ ดังนี้:
- BIRADS 0: ผลการตรวจยังไม่สมบูรณ์ ต้องการการตรวจเพิ่มเติม เช่น การถ่ายแมมโมแกรมเพิ่มหรืออัลตราซาวด์
- BIRADS 1: ผลการตรวจปกติ ไม่มีสิ่งผิดปกติในเต้านม
- BIRADS 2: พบลักษณะที่ไม่เป็นอันตราย เช่น ถุงน้ำหรือเนื้องอกที่ไม่มีความเสี่ยง
- BIRADS 3: พบลักษณะที่มีความเสี่ยงต่ำ ควรติดตามผลในระยะเวลา 6 เดือน
- BIRADS 4: พบลักษณะที่มีความเสี่ยงสูง ต้องทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตัดชิ้นเนื้อ
- BIRADS 5: พบลักษณะที่มีความเสี่ยงสูงมาก ต้องทำการตรวจเพิ่มเติมทันที
- BIRADS 6: ยืนยันว่ามีมะเร็งเต้านมหลังจากการตรวจชิ้นเนื้อ
2. ความหนาแน่นของเนื้อเยื่อเต้านม
เนื้อเยื่อเต้านมมีความหนาแน่นแตกต่างกัน ซึ่งมีผลต่อการตรวจพบมะเร็ง โดยแบ่งเป็น 4 ประเภทดังนี้:
- A: เนื้อเยื่อไขมันเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ตรวจพบมะเร็งได้ง่าย
- B: มีเนื้อเยื่อเต้านมปานกลาง ตรวจพบมะเร็งได้พอสมควร
- C: มีความหนาแน่นสูง ตรวจพบมะเร็งได้ยากขึ้น
- D: มีความหนาแน่นมากที่สุด ทำให้ตรวจพบมะเร็งได้ยากที่สุด
3. ลักษณะของก้อนเนื้อ
เมื่อพบก้อนเนื้อในผลตรวจแมมโมแกรม แพทย์จะประเมินลักษณะต่าง ๆ ของก้อนเนื้อดังนี้:
- ขนาด: ขนาดของก้อนเนื้อจะระบุเป็นมิลลิเมตร
- รูปร่าง: รูปร่างของก้อนเนื้อ เช่น กลมหรือรี
- ขอบ: ขอบของก้อนเนื้อที่ชัดเจนหรือไม่ชัดเจน
- ลักษณะภายใน: เป็นของแข็งหรือเป็นถุงน้ำ
4. การสะสมของแคลเซียม
การสะสมของแคลเซียมในเต้านมสามารถบ่งบอกถึงการเจริญเติบโตผิดปกติ โดยแบ่งเป็น:
- Microcalcifications: แคลเซียมที่สะสมเป็นจุดเล็ก ๆ อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งในระยะแรก
- Macrocalcifications: แคลเซียมที่สะสมเป็นขนาดใหญ่ มักไม่เป็นอันตราย
การปรึกษาแพทย์
หลังจากได้รับผลแมมโมแกรม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม การตรวจแมมโมแกรมอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพเต้านมของคุณ และสามารถช่วยตรวจพบปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ระยะแรก
การเข้าใจค่าต่าง ๆ ของผลตรวจแมมโมแกรมจะช่วยให้คุณมีความมั่นใจมากขึ้นในการดูแลสุขภาพเต้านมของตนเอง อย่าลืมตรวจสอบสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันและรักษาได้อย่างทันท่วงที
ขอบคุณข้อมูลจาก; https://praew.com/praew-special/534189.html
https://www.dailynews.co.th/articles/3473188/
https://medthai.com/breast-screening/
การตรวจแมมโมแกรมเป็นวิธีการสำคัญที่ช่วยตรวจหามะเร็งเต้านมในระยะแรกเริ่ม เพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษาและหายขาดได้มากขึ้น การอ่านผลแมมโมแกรมอาจดูซับซ้อนสำหรับหลายคน เนื่องจากมีค่าต่าง ๆ ที่ต้องทำความเข้าใจ บทความนี้จะช่วยแปลผลแมมโมแกรมเพื่อให้คุณทราบถึงความหมายของแต่ละค่าและผลที่มีต่อสุขภาพเต้านมของคุณ
1. ระบบการรายงาน BIRADS
BIRADS (Breast Imaging Reporting and Data System) เป็นระบบที่ใช้ในการประเมินและรายงานผลแมมโมแกรม โดยแบ่งระดับผลการตรวจออกเป็น 7 ระดับ ดังนี้:
- BIRADS 0: ผลการตรวจยังไม่สมบูรณ์ ต้องการการตรวจเพิ่มเติม เช่น การถ่ายแมมโมแกรมเพิ่มหรืออัลตราซาวด์
- BIRADS 1: ผลการตรวจปกติ ไม่มีสิ่งผิดปกติในเต้านม
- BIRADS 2: พบลักษณะที่ไม่เป็นอันตราย เช่น ถุงน้ำหรือเนื้องอกที่ไม่มีความเสี่ยง
- BIRADS 3: พบลักษณะที่มีความเสี่ยงต่ำ ควรติดตามผลในระยะเวลา 6 เดือน
- BIRADS 4: พบลักษณะที่มีความเสี่ยงสูง ต้องทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตัดชิ้นเนื้อ
- BIRADS 5: พบลักษณะที่มีความเสี่ยงสูงมาก ต้องทำการตรวจเพิ่มเติมทันที
- BIRADS 6: ยืนยันว่ามีมะเร็งเต้านมหลังจากการตรวจชิ้นเนื้อ
2. ความหนาแน่นของเนื้อเยื่อเต้านม
เนื้อเยื่อเต้านมมีความหนาแน่นแตกต่างกัน ซึ่งมีผลต่อการตรวจพบมะเร็ง โดยแบ่งเป็น 4 ประเภทดังนี้:
- A: เนื้อเยื่อไขมันเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ตรวจพบมะเร็งได้ง่าย
- B: มีเนื้อเยื่อเต้านมปานกลาง ตรวจพบมะเร็งได้พอสมควร
- C: มีความหนาแน่นสูง ตรวจพบมะเร็งได้ยากขึ้น
- D: มีความหนาแน่นมากที่สุด ทำให้ตรวจพบมะเร็งได้ยากที่สุด
3. ลักษณะของก้อนเนื้อ
เมื่อพบก้อนเนื้อในผลตรวจแมมโมแกรม แพทย์จะประเมินลักษณะต่าง ๆ ของก้อนเนื้อดังนี้:
- ขนาด: ขนาดของก้อนเนื้อจะระบุเป็นมิลลิเมตร
- รูปร่าง: รูปร่างของก้อนเนื้อ เช่น กลมหรือรี
- ขอบ: ขอบของก้อนเนื้อที่ชัดเจนหรือไม่ชัดเจน
- ลักษณะภายใน: เป็นของแข็งหรือเป็นถุงน้ำ
4. การสะสมของแคลเซียม
การสะสมของแคลเซียมในเต้านมสามารถบ่งบอกถึงการเจริญเติบโตผิดปกติ โดยแบ่งเป็น:
- Microcalcifications: แคลเซียมที่สะสมเป็นจุดเล็ก ๆ อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งในระยะแรก
- Macrocalcifications: แคลเซียมที่สะสมเป็นขนาดใหญ่ มักไม่เป็นอันตราย
การปรึกษาแพทย์
หลังจากได้รับผลแมมโมแกรม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม การตรวจแมมโมแกรมอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพเต้านมของคุณ และสามารถช่วยตรวจพบปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ระยะแรก
การเข้าใจค่าต่าง ๆ ของผลตรวจแมมโมแกรมจะช่วยให้คุณมีความมั่นใจมากขึ้นในการดูแลสุขภาพเต้านมของตนเอง อย่าลืมตรวจสอบสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันและรักษาได้อย่างทันท่วงที
ขอบคุณข้อมูลจาก; https://praew.com/praew-special/534189.html
https://www.dailynews.co.th/articles/3473188/
https://medthai.com/breast-screening/