ถามตอบปัญหาสุขภาพ ข่าวสุขภาพ เกี่ยวกับโรค อาการ ยา การดูแลตนเอง โดยแพทย์เฉพาะทางอายุรกรรม ข่าวสุขภาพของไทยและข่าวสารต่างประเทศ . The health webboard for Health Advise , ask health related questions and answers from our doctor team MD. (Internist) , health news from Thailand and around the world.
หมอนรองกระดูกเสื่อม / Degenerative disc มีกี่ระยะ และ อาการเป็นอย่างไร
Quote from Greenbell Medical Clinic on กรกฎาคม 3, 2024, 2:50 amหมอนรองกระดูกเสื่อม
โรคหมอนรองกระดูกเสื่อมเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ หรือกำลังอยู่ในวัยทำงาน โดยหมอนรองกระดูกเสื่อมเกิดจากความเสื่อมถอยของเนื้อเยื่อหมอนรองกระดูกในระยะเวลานานๆ ซึ่งสามารถแบ่งระยะการเสื่อมได้เป็นหลายระยะ
อาการที่พบอาจได้แก่ปวดหลังรอบคอและเอว ร้าวมาสู่แขนและขา อาการอ่อนแรงในกล้ามเนื้อ และความผิดปกติของระบบขับถ่าย
เพื่อให้ทราบถึงระยะการเสื่อมและอาการที่เกิดขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
สิ่งที่ควรจำ:
- โรคหมอนรองกระดูกเสื่อมเกิดจากความเสื่อมถอยของเนื้อเยื่อหมอนรองกระดูก
- อาการที่พบอาจได้แก่ปวดหลังรอบคอและเอว ร้าวมาสู่แขนและขา
- ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางสุขภาพอาจช่วยลดอาการหมอนรองกระดูกเสื่อม
- คลินิกกายภาพบำบัดกรีนเบลล์มีบริการรักษาหมอนรองกระดูกเสื่อม
ภาพรวมโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม
โรคหมอนรองกระดูกเสื่อมเกิดจากการเสื่อมถอยของเนื้อเยื่อหมอนรองกระดูก โรคนี้มักเกิดในผู้ที่มีอายุมากกว่า 25 ปี และในผู้ที่มีการยกของหนัก หรือ ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่นการนั่งทำงานนานเป็นต้น
การทำความเข้าใจหมอนรองกระดูกเสื่อม
หมอนรองกระดูกเสื่อมเกิดจากความเสื่อมถอยของเนื้อเยื่อหมอนรองกระดูกในระยะเวลานานๆ ซึ่งสามารถแบ่งระยะการเสื่อมได้เป็นหลายระยะ อาการที่พบอาจได้แก่ปวดหลังรอบคอและเอว ร้าวมาสู่แขนและขา อาการอ่อนแรงในกล้ามเนื้อ และความผิดปกติของระบบขับถ่าย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่นำไปสู่หมอนรองกระดูกเสื่อม
หลายสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม สำคัญได้แก่อายุที่เพิ่มขึ้น การใช้งานหนักในชีวิตประจำวัน และปัจจัยอื่นเช่นน้ำหนักเกิน การนั่งหรือยืนนานๆ
ระยะของการเสื่อมของหมอนรองกระดูก
โรคหมอนรองกระดูกเสื่อมถือเป็นโรคที่มีอายุมากขึ้นเป็นจำนวนมากในปัจจุบัน และระยะการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสามารถแบ่งได้เป็นหลายระยะ โดยระยะแรกของการเสื่อมจะไม่แสดงอาการชัดเจน แต่เมื่อโรคเสื่อมถึงระยะที่รุนแรงขึ้น ผู้ปวดจะมีอาการปวดรุนแรง และอาจกระจายไปยังแขนและขา
การวัดระยะการเสื่อมของหมอนรองกระดูกจึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการวินิจฉัยโรค เนื่องจากการตรวจในการทางคลินิกมักใช้วิธีการตรวจต่างๆ เช่น CT scan หรือ MRI ในการตรวจสอบระยะการเสื่อมของหมอนรองกระดูก
อาการของหมอนรองกระดูกเสื่อม
หมอนรองกระดูกเสื่อมสามารถแสดงอาการที่หลากหลายได้ แต่อาการที่พบได้บ่อย ๆ ประกอบไปด้วย:
อาการที่พบได้บ่อยของหมอนรองกระดูกเสื่อม
- ปวดหลังที่มีลักษณะเจาะจง
- เจ็บปวดรอบต้นคอและเอว
- รู้สึกร้อนหรือเผลอชาต่อเนื่อง
- อาการตกแต่งท้ายที่ขา
- การรู้สึกชาตามลำแสงเส้นประสาท
- ความผิดปกติที่รวมถึงต้นขา
ผลกระทบจากการมีอาการหมอนรองกระดูกเสื่อม
การมีอาการหมอนรองกระดูกเสื่อมสามารถส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและกิจกรรมประจำวันได้ อาการเจ็บปวดรุนแรงอาจทำให้ผู้ป่วยมีความทุกข์ทรมานในชีวิตประจำวัน รวมถึงการมีผลกระทบต่อการทำงาน การเล่นกีฬา และความสุขในชีวิตประจำวัน
การวินิจฉัยโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม
การวินิจฉัยโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมเป็นขั้นตอนสำคัญในการรักษาโรคและการวางแผนการดูแลสุขภาพของผู้ป่วย โดยวิธีการวินิจฉัยสามารถแบ่งออกเป็นหลายวิธีตามความเหมาะสมและระดับของอาการ
ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์รับเคสของผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม วิธีการตรวจร่างกายอาจรวมถึงการตรวจประวัติการเจ็บป่วยของผู้ป่วย เพื่อสะท้อนข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับอาการที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่น มีอาการปวดหลังในประวัติคนในครอบครัว หรือเคยได้รับการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับระบบกระดูกเป็นต้น
นอกจากนี้ การตรวจร่างกายฟิสิกส์อาจนำเสนอข้อมูลที่ช่วยในการวินิจฉัยโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมได้อย่างเพิ่มประสิทธิภาพ โดยผู้แพทย์อาจทำการตรวจวัดความเข้มแข็งของกล้ามเนื้อรอบๆ หมอนรองกระดูก หรือทำการตรวจสอบความยืดหยุ่นของข้อต่อในบริเวณที่มีอาการปวดเส้นประสาท
นอกจากนี้ การส่งเคสผ่านภาพวินิจฉัย เช่น X-ray, CT scan หรือ MRI อาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยในการพิจารณาประเมินและวินิจฉัยภาพร่างกายเพิ่มเติม ซึ่งภาพร่างกายเหล่านี้จะช่วยในการตรวจสอบจุดอ่อนหรือความผิดปกติของหมอนรองกระดูกที่อาจไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
การรักษาโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม
วิธีการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด
การรักษาโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมสามารถทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งวิธีการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดอาจมีดังนี้:
- การใช้ยารักษาอาการปวด: ยาแก้ปวดและยาต้านการอักเสบสามารถช่วยบรรเทาอาการปวด
- การทำกายภาพบำบัด: กายภาพบำบัดช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: เปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเพื่อลดความเครียดในส่วนหลัง เช่น ปรับท่านั่ง-ยืน การยกของหนัก และใช้หมอนที่เหมาะสม
การผ่าตัดรักษาหมอนรองกระดูกเสื่อม
สำหรับกรณีที่การรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดไม่ได้ผล หรืออาการหมอนรองกระดูกเสื่อมมีความรุนแรงมาก การผ่าตัดอาจจำเป็นเพื่อรักษาโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมให้ดีขึ้น
โรคกระดูกพรุนกับหมอนรองกระดูกเสื่อม
โรคกระดูกพรุนเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี และมีอาการคอและหลังปวด อาการของโรคกระดูกพรุนอาจแตกต่างกันไปได้เช่นการเคลื่อนไหวที่หลุดมากกว่าปกติ อาการรู้สึกไม่สม่ำเสมอในการเดินหรือยืน และความบกพร่องในการทำกิจกรรมประจำวัน
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันหมอนรองกระดูกเสื่อม
แนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันหมอนรองกระดูกเสื่อมและบรรเทาอาการ องค์กรอนาคตการแพทย์แห่งชาติกำหนดแนวทางผลการทำงานที่แนะนำสำหรับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็นไปในทางที่ดีกว่า นี่จะประกอบไปด้วยการปรับท่านั่ง-ยืนให้ถูกต้องและเหมาะสม เพื่อลดการกดทับและความตึงเครียดในส่วนหลัง การปรับการยกของหนักให้ถูกวิธีและใช้เครื่องมือช่วยที่เหมาะสม เพื่อลดการเอนหลัง การปรับพฤติกรรมการนอนให้ถูกต้อง เช่น ใช้หมอนที่รองรับรูปร่างของคอและหลังให้เหมาะสม และออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและระบบกล้ามเนื้อที่ยั่งยืน เช่น กล้ามเนื้อแบริเวอร์ การยืดเพื่อเสริมความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ซึ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้ถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและสามารถส่งเสริมสุขภาพหลังที่ดีได้
การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพหลังที่ดี
การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญในการบรรเทาอาการหมอนรองกระดูกเสื่อมและเสริมสุขภาพหลังที่ดี การออกกำลังกายสามารถจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเส้นประสาทที่แข็งแรงดีขึ้น เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดหลังและป้องกันการเสื่อมของหมอนรองกระดูก การออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับสุขภาพหลังหมอนรองกระดูกเสื่อมสามารถทำได้โดยเลือกวิธีการที่เหมาะสมในที่มีความเสี่ยงต่อผู้ป่วยและกำลังที่ผู้ป่วยสามารถทำได้ เช่น กล้ามเนื้อแบริเวอร์ การยืดเพื่อเสริมความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ เป็นต้น
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การออกกำลังกายสำหรับสุขภาพหลัง
- ปรับท่านั่ง-ยืนให้ถูกต้องและเหมาะสม
- ปรับการยกของหนักให้ถูกวิธีและใช้เครื่องมือช่วยที่เหมาะสม
- ปรับพฤติกรรมการนอนให้ถูกต้อง
- ออกกำลังกายที่เหมาะสม เช่น กล้ามเนื้อแบริเวอร์ การยืดเพื่อเสริมความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ
หมอนรองกระดูกเสื่อม
โรคหมอนรองกระดูกเสื่อมเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ หรือกำลังอยู่ในวัยทำงาน โดยหมอนรองกระดูกเสื่อมเกิดจากความเสื่อมถอยของเนื้อเยื่อหมอนรองกระดูกในระยะเวลานานๆ ซึ่งสามารถแบ่งระยะการเสื่อมได้เป็นหลายระยะ
อาการที่พบอาจได้แก่ปวดหลังรอบคอและเอว ร้าวมาสู่แขนและขา อาการอ่อนแรงในกล้ามเนื้อ และความผิดปกติของระบบขับถ่าย
เพื่อให้ทราบถึงระยะการเสื่อมและอาการที่เกิดขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
สิ่งที่ควรจำ:
- โรคหมอนรองกระดูกเสื่อมเกิดจากความเสื่อมถอยของเนื้อเยื่อหมอนรองกระดูก
- อาการที่พบอาจได้แก่ปวดหลังรอบคอและเอว ร้าวมาสู่แขนและขา
- ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางสุขภาพอาจช่วยลดอาการหมอนรองกระดูกเสื่อม
- คลินิกกายภาพบำบัดกรีนเบลล์มีบริการรักษาหมอนรองกระดูกเสื่อม
ภาพรวมโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม
โรคหมอนรองกระดูกเสื่อมเกิดจากการเสื่อมถอยของเนื้อเยื่อหมอนรองกระดูก โรคนี้มักเกิดในผู้ที่มีอายุมากกว่า 25 ปี และในผู้ที่มีการยกของหนัก หรือ ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่นการนั่งทำงานนานเป็นต้น
การทำความเข้าใจหมอนรองกระดูกเสื่อม
หมอนรองกระดูกเสื่อมเกิดจากความเสื่อมถอยของเนื้อเยื่อหมอนรองกระดูกในระยะเวลานานๆ ซึ่งสามารถแบ่งระยะการเสื่อมได้เป็นหลายระยะ อาการที่พบอาจได้แก่ปวดหลังรอบคอและเอว ร้าวมาสู่แขนและขา อาการอ่อนแรงในกล้ามเนื้อ และความผิดปกติของระบบขับถ่าย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่นำไปสู่หมอนรองกระดูกเสื่อม
หลายสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม สำคัญได้แก่อายุที่เพิ่มขึ้น การใช้งานหนักในชีวิตประจำวัน และปัจจัยอื่นเช่นน้ำหนักเกิน การนั่งหรือยืนนานๆ
ระยะของการเสื่อมของหมอนรองกระดูก
โรคหมอนรองกระดูกเสื่อมถือเป็นโรคที่มีอายุมากขึ้นเป็นจำนวนมากในปัจจุบัน และระยะการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสามารถแบ่งได้เป็นหลายระยะ โดยระยะแรกของการเสื่อมจะไม่แสดงอาการชัดเจน แต่เมื่อโรคเสื่อมถึงระยะที่รุนแรงขึ้น ผู้ปวดจะมีอาการปวดรุนแรง และอาจกระจายไปยังแขนและขา
การวัดระยะการเสื่อมของหมอนรองกระดูกจึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการวินิจฉัยโรค เนื่องจากการตรวจในการทางคลินิกมักใช้วิธีการตรวจต่างๆ เช่น CT scan หรือ MRI ในการตรวจสอบระยะการเสื่อมของหมอนรองกระดูก
อาการของหมอนรองกระดูกเสื่อม
หมอนรองกระดูกเสื่อมสามารถแสดงอาการที่หลากหลายได้ แต่อาการที่พบได้บ่อย ๆ ประกอบไปด้วย:
อาการที่พบได้บ่อยของหมอนรองกระดูกเสื่อม
- ปวดหลังที่มีลักษณะเจาะจง
- เจ็บปวดรอบต้นคอและเอว
- รู้สึกร้อนหรือเผลอชาต่อเนื่อง
- อาการตกแต่งท้ายที่ขา
- การรู้สึกชาตามลำแสงเส้นประสาท
- ความผิดปกติที่รวมถึงต้นขา
ผลกระทบจากการมีอาการหมอนรองกระดูกเสื่อม
การมีอาการหมอนรองกระดูกเสื่อมสามารถส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและกิจกรรมประจำวันได้ อาการเจ็บปวดรุนแรงอาจทำให้ผู้ป่วยมีความทุกข์ทรมานในชีวิตประจำวัน รวมถึงการมีผลกระทบต่อการทำงาน การเล่นกีฬา และความสุขในชีวิตประจำวัน
การวินิจฉัยโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม
การวินิจฉัยโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมเป็นขั้นตอนสำคัญในการรักษาโรคและการวางแผนการดูแลสุขภาพของผู้ป่วย โดยวิธีการวินิจฉัยสามารถแบ่งออกเป็นหลายวิธีตามความเหมาะสมและระดับของอาการ
ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์รับเคสของผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม วิธีการตรวจร่างกายอาจรวมถึงการตรวจประวัติการเจ็บป่วยของผู้ป่วย เพื่อสะท้อนข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับอาการที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่น มีอาการปวดหลังในประวัติคนในครอบครัว หรือเคยได้รับการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับระบบกระดูกเป็นต้น
นอกจากนี้ การตรวจร่างกายฟิสิกส์อาจนำเสนอข้อมูลที่ช่วยในการวินิจฉัยโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมได้อย่างเพิ่มประสิทธิภาพ โดยผู้แพทย์อาจทำการตรวจวัดความเข้มแข็งของกล้ามเนื้อรอบๆ หมอนรองกระดูก หรือทำการตรวจสอบความยืดหยุ่นของข้อต่อในบริเวณที่มีอาการปวดเส้นประสาท
นอกจากนี้ การส่งเคสผ่านภาพวินิจฉัย เช่น X-ray, CT scan หรือ MRI อาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยในการพิจารณาประเมินและวินิจฉัยภาพร่างกายเพิ่มเติม ซึ่งภาพร่างกายเหล่านี้จะช่วยในการตรวจสอบจุดอ่อนหรือความผิดปกติของหมอนรองกระดูกที่อาจไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
การรักษาโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม
วิธีการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด
การรักษาโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมสามารถทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งวิธีการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดอาจมีดังนี้:
- การใช้ยารักษาอาการปวด: ยาแก้ปวดและยาต้านการอักเสบสามารถช่วยบรรเทาอาการปวด
- การทำกายภาพบำบัด: กายภาพบำบัดช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: เปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเพื่อลดความเครียดในส่วนหลัง เช่น ปรับท่านั่ง-ยืน การยกของหนัก และใช้หมอนที่เหมาะสม
การผ่าตัดรักษาหมอนรองกระดูกเสื่อม
สำหรับกรณีที่การรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดไม่ได้ผล หรืออาการหมอนรองกระดูกเสื่อมมีความรุนแรงมาก การผ่าตัดอาจจำเป็นเพื่อรักษาโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมให้ดีขึ้น
โรคกระดูกพรุนกับหมอนรองกระดูกเสื่อม
โรคกระดูกพรุนเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี และมีอาการคอและหลังปวด อาการของโรคกระดูกพรุนอาจแตกต่างกันไปได้เช่นการเคลื่อนไหวที่หลุดมากกว่าปกติ อาการรู้สึกไม่สม่ำเสมอในการเดินหรือยืน และความบกพร่องในการทำกิจกรรมประจำวัน
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันหมอนรองกระดูกเสื่อม
แนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันหมอนรองกระดูกเสื่อมและบรรเทาอาการ องค์กรอนาคตการแพทย์แห่งชาติกำหนดแนวทางผลการทำงานที่แนะนำสำหรับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็นไปในทางที่ดีกว่า นี่จะประกอบไปด้วยการปรับท่านั่ง-ยืนให้ถูกต้องและเหมาะสม เพื่อลดการกดทับและความตึงเครียดในส่วนหลัง การปรับการยกของหนักให้ถูกวิธีและใช้เครื่องมือช่วยที่เหมาะสม เพื่อลดการเอนหลัง การปรับพฤติกรรมการนอนให้ถูกต้อง เช่น ใช้หมอนที่รองรับรูปร่างของคอและหลังให้เหมาะสม และออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและระบบกล้ามเนื้อที่ยั่งยืน เช่น กล้ามเนื้อแบริเวอร์ การยืดเพื่อเสริมความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ซึ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้ถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและสามารถส่งเสริมสุขภาพหลังที่ดีได้
การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพหลังที่ดี
การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญในการบรรเทาอาการหมอนรองกระดูกเสื่อมและเสริมสุขภาพหลังที่ดี การออกกำลังกายสามารถจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเส้นประสาทที่แข็งแรงดีขึ้น เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดหลังและป้องกันการเสื่อมของหมอนรองกระดูก การออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับสุขภาพหลังหมอนรองกระดูกเสื่อมสามารถทำได้โดยเลือกวิธีการที่เหมาะสมในที่มีความเสี่ยงต่อผู้ป่วยและกำลังที่ผู้ป่วยสามารถทำได้ เช่น กล้ามเนื้อแบริเวอร์ การยืดเพื่อเสริมความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ เป็นต้น
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม | การออกกำลังกายสำหรับสุขภาพหลัง |
---|---|
|
|